ระบบ UCAS คืออะไร ? ใครอยากเรียนต่ออังกฤษต้องรู้

November 17, 2024

 

จากข้อมูลของ HE Student Data ในปีการศึกษา 2021/2022 มีนักศึกษาไทยที่ไปเรียนต่ออังกฤษทั้งหมด 5,405 คน แบ่งเป็นระดับปริญญาตรี 2,230 คน ซึ่งระบบกลางที่ใช้ในการสมัครเข้าเรียนต่ออังกฤษในระดับปริญญาตรี เราเรียกระบบนี้ว่า UCAS น้อง ๆ คนไหนที่กำลังวางแผนไปเรียนต่ออังกฤษจะต้องรู้จัก  UCAS เพื่อเตรียมตัวสมัครเข้าเรียนต่ออังกฤษอย่างไม่ผิดพลาด เนื่องจากที่อังกฤษเขาไม่รับวุฒิม. 6 ที่ไทย ข้อมูลเรียนต่อต่าง ๆ จะเช็กได้จากระบบของ UCAS ค่ะ

 

ก่อนจะรู้จักระบบ UCAS เข้าใจการสมัครเข้าเรียนต่ออังกฤษหรือยัง 

ด้วยระบบการศึกษาไทยและอังกฤษมีความแตกต่างกันอย่างมาก ทำให้นักเรียนไทยที่จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือว่าจบวุฒิม. 6 จะไม่สามารถสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษได้เลยทันที น้อง ๆ จะต้องไปเรียนหลักสูตรของอังกฤษก่อน เช่น A-level, Foundation Degree ซึ่งทั้ง 2 หลักสูตรเป็นหลักสูตรที่เด็กมอปลายอังกฤษทุกคนใช้คะแนนเพื่อยื่นเรียนต่อในระดับปริญญาตรี เมื่อน้อง ๆ ได้วุฒิใดวุฒิหนึ่งแล้วถึงจะมีคุณสมบัติที่จะสมัครเรียนระดับปริญญาตรีได้   

 

ต้องจบหลักสูตร A-level หรือ Foundation Degree 

หลักสูตร A-level และ Foundation Degree เป็นหลักสูตรที่สามารถใช้สมัครเข้าเรียนต่อได้เกือบทุกมหาวิทยาลัยในอังกฤษ เป็นหลักสูตรยอดนิยมที่นักเรียนไทยนิยมเรียนต่อ แต่ทั้ง 2 หลักสูตรนี้จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ในเรื่องของความเข้มข้นของวิชาที่เรียน รวมถึงระยะเวลาในการเรียน ดังนี้
 

  • หลักสูตร A-level หรือว่า Advanced level qualifications เป็นหลักสูตรที่เด็กอังกฤษที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปต้องเรียนเป็นเวลา 2 ปี มีวิชาให้เลือกมากกว่า 80 วิชา เช่น English Language & Literature, Biology, Physics, Psychology, Economics, Art, ภาษาฝรั่งเศส, คณิตศาสตร์, เคมี, ภูมิศาสตร์ ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่จะเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ต้องใช้ผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยแค่ 3 วิชา ผลการสอบมี 5 ระดับเรียงตามคะแนนดีที่สุดคือ A,B.C,C,E 
 

เช่น หากน้อง ๆ อยากเข้าเรียนต่อที่ UCL หลักสูตร Law ซึ่งเขากำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องมีคะแนนวิชาอะไรบ้าง และต้องได้คะแนน A-Level = A*A*A–ABB แปลว่า น้อง ๆ ต้องได้ A อย่างน้อง 2 ตัว และ A หรือ B อีกหนึ่งตัวเท่านั้นค่ะ
 

  • หลักสูตร Foundation Degree เป็นหลักสูตรปรับพื้นฐานสำหรับนักเรียนต่างชาติที่อยากไปเรียนต่ออังกฤษในระดับปริญญาตรีโดยเฉพาะ น้อง ๆ จะต้องเรียนจบและได้วุฒิ Foundation Degree ก่อนถึงจะสมัครเรียนต่ออังกฤษระดับปริญญาตรีได้ ซึ่งหลักสูตรนี้ใช้เวลาเรียน 1 ปี มีวิชาให้เลือกมากมาย เช่น Communication Arts, Art and Design, Citizenship, Computing and IT, Design and Technology, Languages, Geography แต่ส่วนใหญ่ก็จะเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ต้องนำคะแนนในยื่นเรียนต่อ และบางมหาวิทยาลัยก็จะเปิดสอนหลักสูตร Foundation Course ของตัวเองด้วย เช่น London Metropolitan University, University College London, King's College London 
 

สำหรับใครที่อยากสมัครเรียน Foundation Course จะต้องได้คะแนน IELTS ไม่ต่ำกว่า 4.5 และได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 4.0 ในแต่ละพาร์ทค่ะ 

 

ความแตกต่างระหว่าง A Level VS Foundation

 

ที่สำคัญที่สุด… ก่อนที่น้อง ๆ จะเลือกเรียนหลักสูตรไหนระหว่าง 2 หลักสูตรข้างต้น น้องๆจะต้องไป       เช็กก่อนว่า มหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ อยากเรียนต่อ ยอมรับหลักสูตรไหน และรีเควสต์ว่าต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง เพราะว่าบางมหาวิทยาลัยในอังกฤษก็จะมีสอนหลักสูตร Foundation Course ของตัวเองหรือมีพาร์ทเนอร์ในเครือด้วย เขาจะรับพิจารณาเฉพาะผู้สมัครที่จบหลักสูตร Foundation Course ตรงตามที่เขากำหนดเท่านั้น เพราะก็ต้องบอกตามตรงว่าหลักสูตร Foundation ของแต่ละสถาบันก็จะมีที่ทั้งดี ปานกลางและพอใช้ มหาวิทยาลัยดัง ๆ ในอังกฤษเขาก็จะกรองเข้มข้นนิดหนึ่ง ดังนั้นน้อง ๆ ต้องเช็กก่อนอย่างละเอียดค่ะ

 

ยกตัวอย่างเช่น น้อง ๆ ที่อยากเข้าเรียนคณะ Science and Engineering ที่ UCL ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องจบหลักสูตร Fundation จาก Warwick’s International Foundation Programme หรือ Undergraduate Preparatory Certificates (UPC) เท่านั้นถึงจะสมัครได้ 

 

สรุปเรียน A-Level หรือ Foundation Course 

ถ้าจะให้ชัวร์ที่สุดนะคะ วุฒิที่ทุกมหาวิทยาลัยในอังกฤษยอมรับแน่นอนก็คือ วุฒิ A-level แม้ว่าจะใช้เวลาเรียน 2 ปี แต่เป็นหลักสูตรมาตรฐานของระบบการศึกษาของอังกฤษ 100% ใครจบด้วยวุฒิ A-level ก็จะได้รับการยอมรับว่าเป็นเด็กนักเรียนในระบบการศึกษาของอังกฤษ และการเรียน A-level ก็ไม่ใช่การเสียเวลาค่ะ เพราะว่าถ้าหากน้อง ๆ ไม่ปรับพื้นฐานให้ดีก่อน เมื่อต้องไปเรียนต่ออังกฤษในระดับมหาวิทยาลัย น้องๆ อาจจะปรับตัวไม่ทัน เรียนไม่รู้เรื่องก็ได้ ดังนั้นการเรียน A-level จึงเป็นผลดีต่อตัวน้อง ๆ เอง

 

หากน้อง ๆ คนไหนสนใจหาหอพักนักเรียนที่อังกฤษเพื่อไปเรียนปรับพื้นฐานหลักสูตร A-Level ที่อังกฤษ 2 ปี สามารถติดต่อมาที่พี่ ๆ Peyton & Charmed ให้เราดูเเลเรื่องหอพักให้กับน้อง ๆ ได้ค่ะ 

 

จบแล้วก็นำคะแนนที่ได้ไปยื่นในระบบ UCAS 

ระบบ UCAS มีชื่อเต็ม ๆ ว่า The Universities and Colleges Admissions Service เป็นตัวกลางในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาที่อังกฤษ ดำเนินงานโดยองค์กรไม่แสวงหากำไร ทำให้น้อง ๆ มั่นใจได้ว่านักศึกษาทุกคนจากทุกประเทศทั่วโลกจะได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียมกันตามกฎระเบียบของ UCAS เป็นระบบกลางที่เหมือนระบบ Admission ที่ไทยค่ะ

 

ค่าบริการในการสมัครเรียนต่ออังกฤษผ่านระบบ UCAS ก็จะอยู่ที่ £27.50 ปอนด์สำหรับน้อง ๆ ที่สมัครในปี 2024 และในปี 2025 จะปรับขึ้นมาเป็น £28.50 ปอนด์ ต้องคอยเช็กราคาอยู่เสมอเพราะปรับขึ้นทุกปีค่ะ 





 

3 ขั้นตอนการสมัครเรียนต่ออังกฤษผ่านระบบ UCAS

1. ลงทะเบียนกับ UCAS
ลงทะเบียนกับ UCAS Hub กรอกข้อมูลส่วนตัวให้เรียบร้อย ยืนยันปีการศึกษาที่จะเข้าเรียน เพื่อข้อมูลของน้อง ๆ จะได้ถูกเก็บไว้ในระบบของ UCAS ในการใช้สมัครเรียนต่ออังกฤษต่อไป โดยน้องๆ สามารถเข้าไปเช็กความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัวของตัวเองได้ที่ UCAS Hub dashboard 

ข้อมูลอะไรบ้างที่ต้องเตรียมเพื่อลงทะเบียน

  • ผลคะแนน TOEFL, IELTS
  • passport number (ถ้ามี)
  • ข้อมูลการศึกษา 
  • วุฒิการศึกษา

2. เลือกหลักสูตรและมหาวิทยาลัยที่สนใจ 5 อันดับ
เลือกสาขาที่อยากเรียนได้สูงสุด 5 อันดับ มหาลัยฯ ใดก็ได้สำหรับหลักสูตรทั่วไป โดยแต่ละมหาลัยฯ จะไม่เห็นว่าเราเลือกอะไรบ้าง แต่สำหรับหลักสูตร medicine, dentistry, veterinary medicine หรือ veterinary science จะเลือกได้สูงสุด 4 อันดับ 

Note: สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเข้าเรียนที่ Oxford หรือ Cambridge น้อง ๆ จะเลือกได้เพียงอันดับเดียวระหว่างมหาวิทยาลัย Oxford หรือ Cambridge เท่านั้น

3. เขียน Personal Statement
จุดประสงค์ของการเขียน Personal Statement เพื่อสมัครเรียนต่ออังกฤษจะทำให้มหาวิทยาลัยรู้จักตัวตนของเรามากขึ้น ในเนื้อหาควรประกอบด้วยเหตุผลที่อยากเข้าเรียน ประสบการณ์การทำงานหรือการทำกิจกรรมเด่น ๆ ที่สอดคล้องกับสาขาที่จะสมัครเรียน เพื่อให้มหาลัยฯ มองเห็นจุดเด่นของเรา สร้างความแตกต่างจากผู้สมัครรายอื่นให้ได้

น้อง ๆ สามารถเข้าไปเขียน Personal Statement รวมถึงเรียนรู้เคล็ดลับในการเขียนได้ที่ How To Write Your Undergrauate Personal Statement สําหรับสาขา MBA บางมหาวิทยาลัยเขาต้องการ GMAT และประสบการณ์ในการทํางานด้วยค่ะ

3. หา Reference และจ่ายค่าบริการแล้วก็ส่งใบสมัคร
ทุกคนต้องส่งจดหมาย Reference ในการสมัครเรียนต่ออังกฤษจากอาจารย์ 2 ท่าน บางสาขามีการรีเควสท์ 2 reference ได้แก่ เอกสารอ้างอิงทางวิชาการ (academic reference) และเอกสารอ้างอิงเชิงปฏิบัติ (practical reference) จากอาจารย์ ครู ที่ปรึกษาหรือว่านักวิชาการ เพื่อใช้ในการสนับสนุนความน่าเชื่อถือทางวิชาการให้กับน้อง ๆ

เสร็จแล้วน้อง ๆ จะต้องจ่ายค่าบริการให้กับ UCAS จำนวน £20 หากสมัครเพียง 1 อันดับ และ £27.50 ปอนด์ สำหรับการสมัครหลายอันดับ

หลังจากส่งใบสมัครเเล้ว… ทาง UCAS ก็จะเช็กความถูกต้อง ตรวจสอบคุณสมบัติแล้วจะส่งใบสมัครไปที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษเพื่อให้มหาลัยฯ ทำการพิจารณารับ/ไม่รับเข้าเรียน ซึ่งน้อง ๆ จะสามารถแทร็กได้ว่าถึงขั้นตอนไหนแล้วได้ที่ UCAS โดยขั้นตอนหลังจากที่ส่งใบสมัครแล้วคร่าว ๆ จะเป็นดังต่อไปนี้ 

ไทม์ไลน์การเปิดรับสมัครเรียนต่ออังกฤษผ่าน UCAS
ปกติเเล้วมหาวิทยาลัยในอังกฤษส่วนใหญ่จะเปิดเทอมเดือนกันยายน กำหนดการเปิด-ปิดรับสมัครเพื่อเรียนต่ออังกฤษในระบบ UCAS จะมีช่วงเวลาสำคัญ ๆ ของทุกปี ดังนี้

NOTE:  ไทม์ไลน์เปิด-ปิดรับสมัครเรียนต่ออังกฤษมักจะเปลี่ยนไปทุกปี คลาดเคลื่อนไม่ตรงกัน น้องๆ ต้องเข้าไปอัพเดตที่เว็บไซต์ ucas.com เพื่อป้องกันความผิดพลาดค่ะ  

  • กันยายน เริ่มสมัครผ่านระบบ UCAS เช่น วางแผนไปเรียนต่ออังกฤษเดือนกันยายนปี 2025 ก็เริ่มสมัครได้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024   
  • ตุลาคม ปิดรับสมัครของมหาวิทยาลัย Oxford และ Cambridge รวมถึงหลักสูตรการแพทย์ ทันตกรรม และสัตวแพทยศาสตร์
  • มกราคม ควรสมัครให้เสร็จ อย่าให้เกินวันที่ 29-31 มกราคม
  • กุมภาพันธ์ เปิดรับสมัครรอบ Extra หากไม่ได้ถูกเลือกให้เข้าเรียนตามที่สมัครไว้ 
  • มิถุนายน ปิดรับใบสมัคร ทุกใบสมัครที่ส่งมาหลังจากนี้จะเข้าสู่ระบบ Clearing โดยอัตโนมัติ
  •  กรกฏาคม ปิดรับสมัครรอบ Extra 
  • 5 กรกฏาคม เปิดรับสมัครรอบ Clearing 
  • ตุลาคม ปิดรับสมัครรอบ Clearing
 

แนะนำน้อง ๆ สมัครตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะ UCAS ใช้ระบบ First come, First Serve ใครสมัครมาก่อนก็ได้รับพิจารณาก่อนค่ะ และเมื่อสมัครเรียนแล้วก็อย่ารอช้า น้อง ๆ ต้องรีบหาหอพักนักศึกษาโดยเร็ว เห็นไทม์ไลน์แน่นขนาดนี้เริ่มทำอะไรไม่ถูก พี่ ๆ Peyton & Charmed ช่วยได้ เพราะเราช่วยน้อง ๆ ในการหาหอพักนักศึกษาที่อังกฤษมาแล้วกว่า 20 ปี ให้เราช่วยน้อง ๆ วางแผนให้ได้หอพักในฝัน อย่าลืมติดต่อมานะคะ ‘Because We Believe In Care And Trust’ 

 

 

⁣⁣⁣ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม⁣⁣

LINE: @peytonandcharmed 

หรือคลิก👉🏻https://lin.ee/BswYkfQ

📞+ 6680 095 5555⁣⁣

www.peytonandcharmedaccomm.co.uk⁣⁣

 

Resource 

https://www.ucas.com/sites/default/files/international-undergraduate-guide-parents.pdf 

https://educationhub.blog.gov.uk/2023/06/26/what-is-clearing-and-when-does-it-open-in-2023/ 

https://www.efluk.net/whats_ucas/ 

https://www.hesa.ac.uk/data-and-analysis/students/where-from?fbclid=IwAR3hp8vMLyhv3PxkxOQRrSyit4Hb5fjB_NLaINhfmGlAdmVk5mUHBFWWyBY#non-uk 

https://gentstudyabroad.com/ucas/  

https://study-uk.britishcouncil.org/th/plan-studies/apply/undergraduate 

https://studyuk.in.th/2019/09/09/thaischooltouk/

 

We use cookies to improve your experience. By continuing, you agree to our use of cookies. See our Cookie Policy     
Accept